Winnie The Pooh Glitter

บทที่5 คอมพิวเตอร์กับงานธุรกิจ

ความหมายของคอมพิวเตอร์

    การประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ในงานธุรกิจ การประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ในงานธุรกิจ การประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ในงานธุรกิจ [[59265]] คอมพิวเตอร์ มาจากภาษาลาตินว่า Computare ซึ่งหมายถึง การนับ หรือ การคำนวณ ซึ่งมีนักการศึกษาหลายท่านได้ให้ความหมายของคอมพิวเตอร์ไว้ ดังนี้ เสาวคนธ์ อุ่นยนต์ และก่อกุล กีฬาพัฒน์ (2539 : 3) กล่าวว่า คอมพิวเตอร์ หมายถึง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีความสามารถในการแปลงคำสั่ง ในโปรแกรม และทำงานตามคำสั่งนั้น ๆ ซึ่งเป็นคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับ การรับข้อมูลนำเข้า การคำนวณ การปฏิบัติการทางตรรกะ และการสร้างผลลัพธ์ตามที่ผู้ใช้ต้องการ ประพัฒน์ อุทโยภาส (2532 : 9) ให้ความหมายของคอมพิวเตอร์ว่า เป็นเครื่องมือที่มนุษย์สร้างขึ้นมาที่สามารถแก้ปัญหา เขียนภาพ พิมพ์อักษร เก็บรักษาและค้นหาข้อมูล เล่นเกม และอื่น ๆ อีกสารพัด ศรีศักดิ์ จามรมาน (2532 : 39) ได้กล่าวถึงคอมพิวเตอร์ว่า คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือที่มีการทำงานด้วยความเร็ว มีความสามารถในการจดจำสิ่งต่าง ๆ และนอกจากนี้คอมพิวเตอร์ยังให้ความละเอียดเที่ยงตรง (Accuracy) และมีความซื่อตรงต่อคำสั่ง (Faithfulness) สิทธิชัย ประสานวงศ์ (2526 : 1) กล่าวว่า คอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่องมือที่ใช้ในการคำนวณที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะ ยุพิน ไทยรัตนานนท์ (2527 : 11) ได้กล่าวว่า คอมพิวเตอร์ คือ เครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ ที่สร้างขึ้นเพื่อใช้งานแทนมนุษย์ในการคิดคำนวณ และสามารถจำข้อมูลทั้งตัวเลขและอักษร เพื่อการเรียกใช้งานในครั้งต่อไป นอกจากนี้ยังสามารถจัดการกับสัญลักษณ์ (Symbol) ด้วยความเร็วสูง ทักษิณา สวนานนณ์ (2530 : 12) กล่าวว่า คอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่องมือทางอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเกิดจากการประดิษฐ์ คิดค้นขึ้นโดยมนุษย์ เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยผ่อนแรงสมองด้วยการประมวลผลข้อมูลได้ตามคำสั่งที่กำหนด สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (2532 : 1) กล่าวว่า คอมพิวเตอร์ เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างหนึ่ง ที่สามารถรับโปรแกรมและข้อมูลในรูปแบบที่เครื่องสามารถจะรับได้ แล้วทำการคำนวณ เคลื่อนย้ายข้อมูล เปรียบเทียบจนกระทั่งได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ จำนง ภูมิพันธุ์ (2533 : 15) ได้กล่าวถึง ความหมายของคอมพิวเตอร์ว่า คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีขั้นตอนการทำงานอย่างเป็นระบบ เพื่อจัดกระทำข้อมูลที่เป็นตัวเลข ตัวอักษร หรือสัญลักษณ์ต่าง ๆ ได้ด้วยความเร็ว ถูกต้อง แม่นยำ โดยดำเนินการจัดกระทำตามขั้นตอนของโปรแกรมที่วางไว้ สุพัตรา บุญมา (2537 : 4) ให้ความหมายว่า คอมพิวเตอร์ หมายถึง กลุ่มของ เครื่องจักร เครื่องมือ และอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมตัวกันเข้าเป็นระบบ (System) เฉลิมพล ทัพซ้าย (2534 : 7) กล่าวว่า คอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถรับเอาข้อมูลและคำสั่งเข้าไปเก็บไว้ในหน่วยความจำ และสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาประมวลผลตามคำสั่งต่อเนื่องกันไปแล้วแสดงผลลัพธ์ออกมาในรูปแบบต่าง ๆ กุลยา นิ่มสกุล (2532 : 2) กล่าวว่า คอมพิวเตอร์ คือ เครื่องมือทันสมัยที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อใช้ช่วยทำงานที่สลับซับซ้อนหรืองานที่มีปริมาณมาก ๆ ให้เสร็จด้วยความถูกต้องภายในระยะเวลาอันสั้น [[59271]] [[59272]] ดำรัสสิริ อุทยานานนท์ (2538 : 1) กล่าวว่า คอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่องจักรกลอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีความสามารถในการทำการประมวลผลข้อมูล ซึ่งถูกป้อนเข้ามาพร้อมด้วยคำสั่งได้โดยอัตโนมัติอย่างรวดเร็ว และแม่นยำ เราอาจกล่าวได้ว่า คอมพิวเตอร์เป็นสมองกลที่ทำงานด้วยคำสั่งของมนุษย์ในรูปของโปรแกรมคำสั่ง และสามารถทำงานได้มากกว่า เร็วกว่า และถูกต้องกว่าสมองมนุษย์ จากความหมายของคอมพิวเตอร์ดังที่กล่าวมาแล้ว อาจสรุปได้ว่า คอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่องจักรกลอิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถทำงานโดยอัตโนมัติกับข้อมูล เพื่อให้ได้ผลตามที่มนุษย์ต้องการ มีความถูกต้องรวดเร็ว ช่วยแก้ปัญหา ช่วยผ่อนแรงให้กับมนุษย์ สามารถเก็บข้อมูลได้เป็นจำนวนมากตามที่มนุษย์ป้อนคำสั่งเข้าไป ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีขั้นตอนการจัดกระทำกับข้อมูลไม่ว่าจะเป็นตัวอักษร ตัวเลข หรือแม้กระทั่งสัญลักษณ์ต่าง ๆ มีการรับข้อมูล ประมวลผลข้อมูล แสดงผลข้อมูล และจัดเก็บข้อมูล โดยอาศัยคำสั่งผ่านโปรแกรมข้อมูลในรูปแบบที่เครื่องคอมพิวเตอร์จะสามารถรับได้ ด้วยความรวดเร็วถูกต้อง และสมบูรณ์ อย่างมีประสิทธิภาพ ความหมายเกี่ยวกับธุรกิจ ธุรกิจ หมายถึง กิจกรรมใด ๆ ที่ทำให้เกิดสินค้าหรือบริการความคิด แล้วมีการแลกเปลี่ยน ซื้อขายกันและมีวัตถุประสงค์ ได้ประโยชน์จากกิจกรรมนั้น ๆ (www.mis.nu.ac.th) ธุรกิจ หมายถึง องค์การหรือกิจการที่ทำให้เกิดสินค้า และบริการ ธุรกิจเป็นกระบวนการทั้งหมดของการนำเอาทรัพยากรธรรมชาติมาเปลี่ยนไปตามกรรมวิธีการผลิตด้วยแรงคน และเครื่องจักรให้เป็นสินค้า เพื่อประโยชน์เป็นสินค้า เพื่อประโยชน์แก่ผู้ที่ต้องการ กิจกรรมทางธุรกิจจึงรวมทั้งการผลิต การซื้อ การขาย การจำแนกแจกจ่ายสินค้า การขนส่ง การประกันภัย และอื่น ๆ (www.thaiall.com/business./syllabus.htm) ธุรกิจ หมายถึง กิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้การผลิตสินค้า และบริการมีการซื้อขายแลกเปลี่ยน จำหน่าย และมีการกระจายสินค้าและมีประโยชน์ได้กำไรจากกิจการนั้น ธุรกิจมีความจำเป็นต่อชีวิตมนุษย์ ในสังคมปัจจุบันมาก เพราะนอกจากจะเป็นองค์การที่ผลิตสินค้า หรือบริการที่เป็นปัจจัยพื้นฐานของการดำรงค์ชีวิต หรือปัจจัยสี่ การประกอบธุรกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็ก หรือใหญ่แค่ไหนก็ตาม สิ่งสำคัญก็คือกำไร เพราะกำไรเป็นสิ่งจูงใจที่สำคัญในทางธุรกิจ ก่อให้เกิดการแข่งขันและขยายตัวกันมากในทางธุรกิจทำให้เกิดความเจริญก้าวหน้ากันมากขึ้น (www.thaiall.com/business./syllabus.htm) ธุรกิจ หมายถึง ความพยายามที่เป็นแบบแผนของนักธุรกิจในการผลิต และขายสินค้า หรือบริการ เพื่อสนองความต้องการของสังคมโดยมุ่งกำไร(www.thaiall.com/business./syllabus.htm) เพราะฉนั้นคอมพิวเตอร์ในงานธุรกิจ หมายถึง การนำคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในงานธุรกิจ เพื่อทำให้เกิดผลกำไร และมีประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจมากยิ่งขึ้น 

ความหมายของธุรกิจ

 ธุรกิจ หมายถึง กิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้มีการผลิตสินค้า และบริการ มีการซื้อขายแลกเปลี่ยน จำหน่าย และกระจายสินค้าและมีประโยชน์หรือกำไรจากกิจกรรมนั้น ธุรกิจมีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิตของมนุยษ์ในสังคมปัจจุบันมากเพราะนอกจากจะเป็นองค์การที่ผลิตสินค้า หรือบริการที่เป็นปัจจัยพื้นฐานของการดำรงชีวิต หรือปัจจัย4 การประกอบธุรกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็ก หรือใหญ่แค่ไหนก็ตาม สิ่งที่สำคัญ คือ กำไร เพราะเป็นแรงจูงใจของการดำเนินการทางธุรกิจ ก่อให้เกิดการแข่งขันและการขยายตัวทางธุรกิจให้เจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น   เพราะฉะนั้นคอมมพิวเตอร์ธุรกิจ  หหมายถึง  การนำคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในงานธุรกิจ  เพื่อทำให้เกิดผลกำไร  และมีประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจมากยิ่งขึ้น

การประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ในงานธุรกิจ

         ธุรกิจปัจจุบันหากไม่มีคอมพิวเตอร์  อาจจะทำห้ธุรกิจนั้นๆไม่สามารถเดินต่อไปสู่ผลสำเร็จทีี่ต้องการได้  ความสามารถและประโยชน์ในการนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้ในงานธุรกิจนั้นสามารถนำไปประยุกต์ได้  ดังนี้
1. การนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้ในงานด้านการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เช่น
     - การรับสมัครนักศึกษาเข้าเรียน
     - การชำระค่าลงทะเบียนเรียนผ่านทางธนาคาร เป็นต้น 
2.การนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้ในงานทางด้านการธนาคารที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เช่น 
     - การให้บริการกับลูกค้า
     - การฝากเงิน และการถอนเงิน 
     - การชำระค่าบริการต่าง ๆ เป็นต้น
3.การนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้ในงานด้านโรงแรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เช่น
      - การบันทึกข้อมูลการเข้าพัก และการแจ้งคืนห้องพักของลูกค้า
      - การชำระค่าห้องพัก เป็นต้น
4.การนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้ในงานด้านธุรกิจสายการบินที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เช่น
       - การตรวจดูตารางการบิน
       - การจองตั๋วเครื่องบิน
       - การยกเลิกเที่ยวบิน
       - การสำรองที่นั่งล่วงหน้า เป็นต้น
5.การนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้ในงานด้านการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เช่น
       - การค้นหาประวัติของคนไข้ 
       - การวินิจฉัยโรค 
       - การเอ็กซเรย์ 
       - การชำระเงินค่ารักษา เป็นต้น
6.การนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้ในงานด้านอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เช่น
       - การเพิ่มผลผลิตสินค้าให้มีปริมาณมากขึ้น และเพียงพอกับความต้องการของตลาด
       - ตรวจสอบคุณภาพของสินค้า
       - การออกแบบการบรรจุหีบห่อให้สวยงาม เป็นต้น
7. การนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้ในงานด้านบันเทิงที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เช่น 
       - การนำภาพยนตร์ออกมาฉาย
       - การออกแบบและตัดต่อภาพ
       - การควบคุมคุณภาพของเสียง
       - การออกแบบท่าทางเต้น
       - การโฆษณา เป็นต้น 
8.การนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้ในงานด้านการสื่อสาร เช่น
       - การนำอินเตอร์เน็ตเข้ามามีส่วนร่วมในงาน เป็นต้น
9.การนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้ในงานด้านตลาดหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เช่น 
       - การซื้อ-ขายหุ้น เป็นต้น
10.การนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้ในงานด้านสื่อสิ่งพิมพ์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เช่น 
      - การหาข้อมูลข่าวสาร
      - การออกแบบรูปเล่ม
      - การตัดต่อข้อมูล 
      - การส่งไปตีพิมพ์ เป็นต้น

บทบาทของคอมพิวเตอร์

ในปัจจุบัน คอมพิวเตอร์ได้กลายเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตของเรา และความสำคัญนี้ได้ทวีมากยิ่งขึ้นในอนาคต คอมพิวเตอร์ได้เข้าไปมีบทบาทในทุกวงการอาชีพ โดยเฉพาะกับงานที่มีข้อมูลมาก ๆ และกำลังจะกลายเป็นเครื่องใช้สามัญในบ้านเหมือนกับเครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์ บทบาทของคอมพิวเตอร์ในงานต่าง ๆ จำแนกได้ดังนี้
1. บทบาทของคอมพิวเตอร์ในสถานศึกษา   
     -คอมพิวเตอร์ช่วยในการจองตั๋วเครื่องบิน   
     -คอมพิวเตอร์ช่วยในการรับฝากและถอนเงิน ที่เป็นภารกิจประจำของธนาคาร     
     -คอมพิวเตอร์ช่วยในการเขียนแบบ   
     -คอมพิวเตอร์ช่วยในการเปรียบเทียบ คัดเลือกข้อมูล
     -คอมพิวเตอร์ช่วยในงานบริหาร เช่น การคิดคะแนน
     -ทำทะเบียนบุคลากร
     -คอมพิวเตอร์ช่วยในงานบริการ เช่น งานห้องสมุด งานแนะแนว
     -คอมพิวเตอร์ช่วยในการเรียนการสอน
2. บทบาทของคอมพิวเตอร์ในวงราชการ
     - คอมพิวเตอร์ช่วยในการทำทะเบียนราษฎร์
      -คอมพิวเตอร์ช่วยในการนับคะแนนเลือกตั้ง คิดภาษี อากร การบริหารทั่วไป
      -คอมพิวเตอร์ช่วยในการรวบรวมข้อมูลและสถิติ
       -การบริหารงานทั่วไปของหน่วยงานราชการ ทำให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว ยิ่งขั้น
3. บทบาทของคอมพิวเตอร์ในงานสังคมศาสตร์
      -คอมพิวเตอร์ช่วยในงานวิจัย เพื่อให้ได้คำตอบออกมาอย่างรวดเร็วและถูกต้อง
4.บทบาทของคอมพิวเตอร์ในวงการแพทย์
     -คอมพิวเตอร์ช่วยในการบันทึก
     -ค้นหาทะเบียนประวัติผู้ป่วย
     -คอมพิวเตอร์ช่วยในการวินิจฉัยโรค เช่น ตรวจคลื่น สมอง บันทึกการเต้นของหัวใจ
     -คอมพิวเตอร์ช่วยในการคำนวณหาตำแหน่งที่ถูกต้อง ของอวัยวะก่อนการผ่าตัด
5.บทบาทคอมพิวเตอร์ในการสื่อสาร
    -คอมพิวเตอร์ช่วยในการเก็บข้อมูล สถิติของผู้โดยสาร
    -คอมพิวเตอร์ช่วยในการควบคุมการจราจรทางอากาศ
6. บทบาทของคอมพิวเตอร์ในงานธุรกิจ
    -คอมพิวเตอร์ช่วยในการวางแผนธุรกิจ
    -คอมพิวเตอร์ช่วยในการประเมินสถานการณ์ทาง เศรษฐกิจในอนาคตได้อย่างแม่นยำ
    -คอมพิวเตอร์ช่วยงานธุรการ เช่น งานพัสดุ งานภาษี การทำจดหมายโต้ตอบ
7. บทบาทของคอมพิวเตอร์ในงานธนาคาร
    -คอมพิวเตอร์ช่วยในการคิดดอกเบี้ยในอัตราต่างๆ
    -คอมพิวเตอร์ช่วยให้ลูกค้า ฝากถอนเงินด่วน หรือโอนเงินจากเครื่องได้โดยอัตโนมัติ (ATM)
8. บทบาทของคอมพิวเตอร์ในงานวิศวกรรม
     -คอมพิวเตอร์ช่วยในการควบคุมหุ่นยนต์ให้ทำงาน
     -คอมพิวเตอร์ช่วยในการคำนวณโครงสร้าง วางแผน ควบคุมการก่อสร้าง
9. บทบาทของคอมพิวเตอร์ในงานวิทยาศาสตร์
    -คอมพิวเตอร์ช่วยในการทดลองที่เป็นอันตราย
    -คอมพิวเตอร์ช่วยในการเดินทางของยานอวกาศ การถ่ายภาพระยะไกล และการสื่อสารผ่านดาวเทียม
10. บทบาทของคอมพิวเตอร์ในร้านค้าปลีกห้างสรรพ
   -สินค้าใหญ่ ๆ ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์คิดเงินแทนเครื่องคิดเลข
   -การอ่านรหัสด้วยเครื่องอ่าน (Barcode)

สาเหตุในการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการทำงาน


1. การประหยัดต้นทุน การนําคอมพิวเตอร์ไปใช้ในระยะแรกหลังจากมีผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ออกจําหน่ายนั ้นมุ่งไปที่การ ประหยัดต้นทุนคอมพิวเตอร์ในระยะนั ้นมีราคาแพง ต้องใช้เจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ด้านเทคนิคประจําทํางาน กับคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ ต่าง ๆ ยังมีน้อย อีกทั ้งความรู้ในด้านการใช้คอมพิวเตอร์ในงานด้านธุรกิจเองก็ ยังไม่มาก ด้วยเหตุนี ้การตัดสินใจใช้คอมพิวเตอร์ในช่วงแรกจึงเน้นไปที่การพยายามลดต้นทุนการ ดําเนินงานโดยรวมของหน่วยงานหรือบริษัท งานส่วนที่นําคอมพิวเตอร์มาใช้แล้วน่าจะลดต้นทุนได้ดีที่สุด งานบริหารสินค้าคงคลัง (Inventory management) หน่วยงานหรือบริษัททั ้งหลายมีปัญหาเรื่องการเก็บวัตถุดิบหรือชิ ้นส่วนไว้ใช้ในการผลิตเป็ น จํานวนมาก ๆ การบันทึกรายการวัตถุดิบหรือชิ ้นส่วนนี ้กระทําด้วยมือซึ่งผิดพลาดเคลื่อนได้ง่าย หากเก็บไว้ น้อยจนกว่าจะได้ชิ ้นส่วนนั ้นมาใช่ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อการผลิตและการส่งสินค้าให้แก่ลูกค้า คอมพิวเตอร์ช่วยแก่ปัญหานี ้ได้โดยการบันทึกเก็บข้อมูลชิ ้นส่วนและวัตถุดิบจํานวนมากได้อย่างถูกต้อง สามารถแก้ไขและตรวจสอบข้อมูลของชิ ้นส่วนและวัตถุดิบได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนั ้นยังสามารถใช้คอมพิวเตอร์พยากรณ์ความต้องการใช้ชิ ้นส่วนและวัตถุดิบแต่ละ รายการได้อย่างแม่นยํา ทําให้การจัดซื ้อประหยัดมากขึ ้น ไม่ต้องนําชิ ้นส่วนและวัตถุดิบมาเก็บไว้เป็ น จํานวนมาก ๆ อันเป็ นการสิ ้นเปลืองค่าจัดเก็บอีกตากหาก นอกจากนั ้นยังช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพนักงานได้ ด้วย นั่นคือเมื่อมีจํานวนชิ ้นส่วนและวัตถุดิบที่จะต้องเก็บน้อยลง และพนักงานไม่ต้องเสียเวลาในการ บันทึกข้อมูลและการคํานวณแล้ว ก็อาจลดจํานวนพนักงานในระบบสินค้าคงคลังลงได้ ยิ่งกว่านั ้นยังช่วย ประหยัดในการไม่ต้องเพิ่มจํานวนคนในอนาคตได้ด้วย เช่นกัน กล่าวคือถ้าหากยังไม่นําระบบคอมพิวเตอร์ มาใช้ หากระบบสินค้าคงคลังขยายตัวขึ ้น เช่นในกรณีที่มีการออกแบบผลิตภัณฑ์แบบใหม่ขึ ้นและต้องใช้ ชิ ้นส่วนใหม่ที่ยังไม่เคยใช้มาก่อน หน่วยงานหรือบริษัทก็อาจจะต้องขยายพื ้นที่การเก็บชิ ้นส่วนและเพิ่ม พนักงานสําหรับดูแลเรื่องนี ้ แต่เมื่อนําคอมพิวเตอร์มาใช้แล้ว หน่วยงานหรือบริษัทอาจจะต้องเพิ่มแต่เพียง พื ้นที่การเก็บเท่านั ้น ไม่ต้องเพิ่มจํานวนพนักงานด้วย
2. การเพิ่มผลิตภัณฑ์ การดําเนินธุรกิจประเภทต่าง ๆ นั ้นในปัจจุบันนี ้มีคู่แข่งมาก คู่แข่งเหล่านี ้มีทั ้งจากภายในประเทศ และจากต่างประเทศ เมื่อมีคู่แข่งมาก ผู้ประกอบธุรกิจก็จําเป็ นจะต้องดิ ้นรนหาทางอยู่รอดด้วยประการต่าง ๆ การนําคอมพิวเตอร์มาใช้เพื่อลดต้นทุนการดําเนินการตามที่ได้อธิบายไปข้างต้นนั ้นเป็ นแนวทางอย่าง หนึ่ง แนวทางต่อมาก็คือ การใช้คอมพิวเตอร์เพิ่มผลิตภาพในการปฏิบัติงานต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น ในงาน อุตสาหกรรมนั ้น เมื่อนําเครื่องจักรที่ใช้คอมพิวเตอร์ควบคุม (Computer numerical control machine, CNC) เข้ามาทํางานแทนคนเครื่องจักรสามารถทํางานได้อย่างถูกต้องแม่นยํามากขึ ้น ผลิตชิ ้นงานได้มาก ชิ ้น มีชิ ้นส่วนเสียหายน้อยลงกว่าเมื่อใช้คนทํางานกับเครื่องจักรธรรมดา ดังนั ้นโดยรวมก็คือ โรงงานสามารถผลิตชิ ้นส่วน และผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพได้มากขึ ้นอีกนัยหนึ่งก็ คือ มีผลิตภัณฑ์เพิ่มมากขึ ้นนั่นเอง การเพิ่มผลิตภาพด้วยคอมพิวเตอร์นั ้นอาจจะทําให้เกิดขึ ้นได้ในการ ปฏิบัติงานเกือบทุก ๆด้านในหน่วยงาน อย่างเช่นในสํานักงานก็อาจใช้คอมพิวเตอร์ในการประมวลผลคํา พิมพ์จดหมายธุรกิจ พิมพ์รายงานหรือข้อเสนอต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ
3. การเพิ่มรายการ หน่วยงานและบริษัทธุรกิจทั ้งหลายล้วนแล้วแต่มีหน้าที่ต้องให้บริการลูกค้าหรือคู่ค้าด้วยกันทั ้งสิ ้น แม้แต่บริษัทที่ผลิตชิ ้นส่วนส่งให้แก่บริษัทอุตสาหกรรมอื่นเพื่อนําไปผลิตต่อหนึ่งก็ยังต้องให้บริการแก่บริษัท ที่เป็ นลูกค้านั ้น ปัจจุบันนี ้ผู้ประกอบธุรกิจทั ้งหลายตระหนักดีว่าการให้บริการเป็ นหัวใจสําคัญของธุรกิจ บริษัทใดให้บริการที่ดีกว่าผู้อื่นได้ก็สามารถที่จะเก็บรักษาลูกค้าไว้ได้นาน ในทางตรงกันข้ามบริษัทใดที่มอง ข้างเรื่องนี ้ก็จะสูญเสียลูกค้าไปในที่สุด คอมพิวเตอร์ช่วยให้หน่วยงานและบริษัทปรับปรุงคุณภาพของการ ให้บริการแก่ลูกค้าได้ดียิ่งขึ ้นได้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ ระบบฝากถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) ของธนาคาร ก่อนหน้านี ้การใช้บริการ ธนาคารไม่สะดวกนัก ลูกค้าจะต้องไปขอรับบริการในช่วงเวลาที่จํากัด และจะต้องไปยังสาขาที่เปิ ดบัญชีไว้ เท่านั ้น แต่เมื่อธนาคารเริ่มใช้ระบบ ATM และนําตู้ ATM ไปติดตั ้งตามสาขาและสถานที่ต่าง ๆ ก็เป็ นการ เปิ ดมิติใหม่ของการให้บริการแก่ลูกค้า ลูกค้าที่ต้องการฝากถอนเงินไม่จําเป็ นต้องเดินทางมายังสาขาที่ฝาก เงินไว้ภายในช่วงเวลาทํางานของธนาคารอีกต่อไป เมื่อลูกค้าต้องการถอนเงินก็เพียงแต่เดินไปใช้ตู้ ATM เท่านั ้น นับเป็ นความสะดวกมาก ตัวอย่างอื่น ๆ ในการเพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพของการบริการยังมีอีกมาก เช่น การนํา คอมพิวเตอร์มาใช้ในการลงทะเบียนผู้ป่ วยนอกและผู้ป่ วยใน ทําให้เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลสามารถ ค้นหาเวชระเบียนของคนไข้ได้อย่างรวดเร็วและสามารถส่งตัวคนไข้ไปตรวจรักษาได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการ ใช้คอมพิวเตอร์ในโรงแรมทําให้สามารถตรวจสอบและสํารองห้องพักได้อย่างสะดวก เมื่อผู้พักลงทะเบียน เข้าพักแล้วก็สามารถคิดเงินค่าห้องพักและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน นอกจากบริษัทธุรกิจแล้ว หน่วยงานทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการต่าง ๆ ก็อาจนําคอมพิวเตอร์มาใช้ในการปรับปรุงคุณภาพและ ประสิทธิภาพของงานบริการของตนได้ เช่น กรมการขนส่งทางบก ใช้คอมพิวเตอร์ในการจดและต่อทะเบียน รถยนต์ และในการออกใบอนุญาตขับขี่รถยนต์สํานักงานกลางการทะเบียน กระทรวงมหาดไทยใช้ คอมพิวเตอร์ในการจัดทําบัตรประจําตัวประชาชนได้อย่างรวดเร็วขึ้น
4. การสร้างพันธมิตรธุรกิจ ปัจจุบันการดําเนินธุรกิจต่าง ๆ จําเป็ นจะต้องร่วมมือกันมากขึ ้น หากผู้ประกอบธุรกิจพยายาม ดําเนินการไปตามลําพังแล้วก็อาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก และอาจจะไม่สามารถดําเนินธุรกิจได้ในระยะ ยาวความร่วมมือที่จําเป็ นมีหลายด้านด้วยกัน นับตั ้งแต่ความร่วมมือในระดับผิดเผิน เช่น การจัดส่งสินค้า ให้อย่างรวดเร็วเป็ นพิเศษการจัดทําชิ ้นส่วนเฉพาะให้เป็ นพิเศษ หรือการลดราคาให้เป็ นพิเศษ ไปจนถึงการ ร่วมมือในระดับที่ลึกมากขึ ้น เช่น การจัดส่งเอกสารธุรกิจผ่านระบบเครือข่ายให้กันและกันเพื่อช่วยประหยัด แรงงานในการบันทึกข้อมูลและเพื่อความรวดเร็วในการดําเนินงาน การจัดส่งเอกสารแบบนี ้ก็คือ ระบบ แลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (Eletronic Data Interchange, EDI) นั่นเอง ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ได้เชื่อมต่อเฉพาะบริษัทธุรกิจที่เป็ นคู่ค้าเท่านั ้น หากยัง สามารถเชื่อมต่อกับบริษัทและหน่วยงานอื่น ๆ ด้วย เช่น เชื่อมต่อไปยังบริษัทส่งสินค้า บริษัทประกันภัย ธนาคารกรมศุลกากร การท่าเรือ ฯลฯ เมื่อบริษัทจัดจําเอกสารธุรกิจส่งเข้าระบบแลกเปลี่ยนข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อส่งไปยังบริษัทและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะทําให้การดําเนินงานที่ต่อเนื่องกับเอกสาร นั ้นสําเร็จรวดเร็วขึ ้นมาก เป็ นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดําเนินธุรกิจได้เป็ นอย่างดี ประเทศที่นํา ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มาใช้อย่างได้ผลก็คือสิงคโปร์ สิงคโปร์ได้จัดทําระบบเทรดเน็ต (Tradenet) ขึ ้นเพื่อใช้เป็ นสื่อสําหรับจัดส่งเอกสารเกี่ยวกับการนําเข้าและส่งออก ทําให้หน่วยงานของรัฐ สามารถตรวจสอบและอนุมัติได้ภายในเวลาสิบห้านาที แทนที่จะใช้เวลาหลายวัน ขณะนี ้รัฐบาลได้ได้มีมติ อนุมัติให้จัดตั ้งบริษัทเพื่อดําเนินงานให้บริการระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทยแล้ว
5. การเพิ่มความสะดวกในการปฏิบัติงาน การใช้คอมพิวเตอร์ในงานธุรกิจไม่ได้มุ่งหวังให้การทํางานเป็ นแบบกลไกไปทั ้งหมด หรือต้องให้ พนักงานทํางานเหมือนเครื่องจักรแบบไม่มีชีวิตจิตใจ ปัจจุบันมีผู้ศึกษาหาทางทําให้ผู้ใช้ติดต่อสื่อสารกับ คอมพิวเตอร์ได้สะดวกขึ ้น ปรับปรุงส่วนของตัวเชื่อมประสานกับผู้ใช้ (user interface) ให้ดีขึ ้น ทําให้ คอมพิวเตอร์น่าใช้มากขึ ้น ผลโดยตรงก็คือทําให้มีการใช้คอมพิวเตอร์ในงานสํานักงานมากขึ ้น และทําให้ การปฏิบัติงานโดยรวมสะดวกมากขึ ้น เช่น การพิมพ์รายงานต่าง ๆ นั ้นเดิมทีใช้แต่เครื่องพิมพ์ดีด ซึ่งไม่ สะดวกต่อการแก้ไขหรือเปลี่ยนข้อความให้สละสลวยถูกต้องมากขึ ้น เมื่อเปลี่ยนมาใช้ระบบประมวลผลคํา แล้ว การพิมพ์รายงานก็สะดวกขึ ้น แก้ไขเปลี่ยนแปลงเนื ้อหาในรายงานได้อย่างรวดเร็วขึ ้น การนําระบบการ พิมพ์ตั ้งโต๊ะมาใช้ทําให้สะดวกแก่การจัดทําแบบฟอร์ม แผ่นพับ และเอกสารที่มีคุณภาพอื่น ๆ ได้สะดวกขึ้น
6. การเพิ่มคุณภาพการตัดสินใจของผ้บริหาร  การใช้คอมพิวเตอร์จัดทําระบบสารสนเทศช่วยให้ผู้บริหารได้รับข้อมูลและสารสนเทศที่ถูกต้อง อย่างรวดเร็วมากขึ ้น หากการจัดเก็บข้อมูลภายในระบบดําเนินไปตามขั ้นตอนที่กําหนดไว้อย่างเหมาะสม แล้ว ผู้บริหารจะสามารถค้นหาข้อมูลที่จําเป็ นต่อการตัดสินใจได้ทันที สามารถคิดและทดสอบการตัดสินใจ ของตนเองได้อย่างรวดเร็ว และช่วยให้การตัดสินใจนั ้นมีคุณภาพมากขึ ้น
7. การเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ประโยชน์ของการใช้คอมพิวเตอร์ในด้านต่าง ๆ ตามที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นนั ้น ยังเป็ นผลให้ หน่วยงานหรือบริษัทมีศักยภาพในการแข่งขันมากขึ ้น เช่น ทําให้สามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ได้อย่าง รวดเร็ว สามารถนําผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดได้เร็วกว่าคู่แข่ง มีต้นทุนการดําเนินงานน้อยกว่าคู่แข่ง กําหนดกลุ่มลูกค้าเป้ าหมายได้ดีกว่า กล่าวโดยสรุป การใช้คอมพิวเตอร์มีประโยชน์ต่อผู้ประกอบการธุรกิจหลายประการด้วยกัน แต่ ประโยชน์เหล่านี ้จะได้รับจริงหรือไม่นั ้นขึ ้นอยู่กับองค์ประกอบอีกหลายอย่าง เช่น ขึ ้นอยู่กับการออกแบบ งานประยุกต์ว่าสอดคล้องกับการดําเนินธุรกิจนั ้นหรือไม่ ขึ ้นอยู่กับความพร้อมของบุคลากรที่จะยอมรับการ เปลี่ยนแปลงกระบวนการทํางานจากการทํางานด้วยมือ มาเป็ นการทํางานด้วยคอมพิวเตอร์ ขึ ้นอยู่กับการ จัดเก็บและบันทึกข้อมูล ขึ ้นอยู่กับการยอมรับและการสนับสนุนของผู้บริหาร และขึ ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ของ หน่วยงานในด้านการใช้คอมพิวเตอร์เองการใช้คอมพิวเตอร์ในงานธุรกิจ

ประโยชน์ในการนำเอาคอมพิวเตอร์เข้ามาประยุกต์ใช้ในงานด้านธุรกิจ

1.ประโยชน์ในเรื่องของการเก็บบันทึกข้อมูล เช่น             
- ใช้ในการเก็บบันทึกเกี่ยวกับประวัติของพนักงานว่า ชื่อสกุลอะไร อายุเท่าไหร่ จบการศึกษามาจากที่ไหน เคยทำงานมาแล้วหรือไม่ เป็นต้น ซึ่งทำให้ประหยัดเนื้อที่ในการจัดเก็บ และสะดวกในการใช้ระยะเวลาในการค้นหามากกว่าที่จะใช้กระดาษในการเขียนบันทึกข้อมูล            
- ใช้ในบันทึกเกี่วยกับข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าว่าเป็นประเภทอะไร ชื่อสินค้าอะไร สีอะไร มีลักษณะรูปแบบเป็นอย่างไร ผลิตเมื่อไหร่ และมีวันหมดอายุวันไหน เป็นต้น
2.ประโยชน์ในเรื่องของการให้บริการลูกค้า คือสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และต่อเนื่องซึ่งสามารถให้บริการลูกค้าที่มาขอใช้บริการได้อย่างทันทีที่ลูกค้ามาเข้ารับการบริการ เช่น            
 - ใช้ในด้านงานธนาคาร เช่น การฝากถอนเงินในธนาคาร เป็นต้น            
- ใช้ในด้านการศึกษา เช่น การลงทะเบียนเรียน การบันทึกผลการเรียน และการประการผลการเรียน เป็นต้น
3.ประโยชน์ในเรื่องของงานวิจัย เช่น             
- ใช้ในการคำนวณ คือ ใช้หาค่าของตัวเลขที่มีความสลับซับซ้อน เช่น การหาค่าของสมการ การถอดราก และยกกำลังของตัวเลข เป็นต้น ซึ่งสามารถคำนวณได้อย่างแม่นยำ และมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น             - ใช้ในการประมวลผลข้อมูลในการทดลอง และทำการสรุปผลของการวิจัย เป็นต้น4.ประโยชน์ในเรื่องของการเก็บรักษาสินค้า เช่น             
- ทำให้สามารถควบคุมอุหภูมิของสินค้าภายในโกดังได้ ว่าสินค้าประเภทไหนต้องการอุหภูมิประมาณกี่องศา ชอบอากาศแบบไหน เป็นต้น จึงมีส่วนช่วยในการเก็บรักษาสินค้าได้เป็นเวลานาน และทำให้เกิดการเสียหายของสินค้าลดน้อยลงอีกด้วย5.ประโยชน์ในเรื่องของการตรวจสอบคุณภาพของสินค้า เช่น     - เมื่อป้อนข้อมูลสินค้าลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ก็สามารถทราบได้ทันทีเลยว่าข้อมูลของสินค้ายังมีสภาพดีอยู่หรือไม่ และทำให้สามารถทราบวันผลิต และวันหมดอายุได้อีกด้วย
6.ประโยชน์ในเรื่องของการคำนวณเงินเดือนและค่าแรงงานของพนักงาน เช่น             
- ในการคำนวณเงินเดือนและค่าแรงของพนักงาน ได้มีการนำโปรแกรมสำเร็จรูปขึ้นมาใช้เฉพาะในการคำนวณเงินเดือนและค่าแรงของพนักงาน ทำให้มีความสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น 
7.ประโยชน์ในเรื่องของการทำบัญชี คือ สามารถนำโปรแกรมสำเร็จรูปทางบัญชีเข้ามาช่วยในเรื่องต่าง ๆ เช่น             
 - ในเรื่องของการลงบันทึกรายการทางด้านบัญชี              
- ในเรื่องของการลงสต็อกสินค้า              
- ในเรื่องของการจัดทำงบการเงินไม่ว่าจะเป็นงบทดลอง งบกระแสเงินสด

ลักษณะการใช้คอมพิวเตอร์ในการดำเนินงานธุรกิจ

ลักษณะการใช้คอมพิวเตอร์ในการดําเนินงานธุรกิจ อาจแบ่งได้เป็ น 3 ลักษณะ
 1. การใช้เป็ นเครื่องมืออัตโนมัติ (Automation) เป็นการนําคอมพิวเตอร์มาและเครื่องมือ อัตโนมัติอื่นๆมาใช้ในงานธุรกิจแบบตรงไปตรงมา เช่น การนําเครื่องคอมพิวเตอร์มาใช้ในการพิมพ์เอกสาร ธุรกิจ หรือการใช้ระบบบัญชีแทนการลงบัญชีด้วยมือ การใช้คอมพิวเตอร์ในลักษณะนี ้มีผลต่อความสะดวก ในการทํางานเท่านั ้น
2. การใช้คอมพิวเตอร์วางระบบ (Computerization) เป็นการใช้ที่เริ่มต้นด้วยการวางแผน อย่างรัดกุมว่าหน่วยงานนั ้นมีวัตถุประสงค์อย่างไร มีหน้าที่และลักษณะการดําเนินการอย่างไรบ้าง มีการใช้ ข้อมูลและสารสนเทศอย่างไรบ้าง การเคลื่อนที่ของข้อมูลเอกสารอย่างไร วิเคราะห์และวางแผนกําหนด โครงสร้างของระบบงานคอมพิวเตอร์ให้ครอบคลุมทั ้งหน่วยงาน และพัฒนาระบบงานขึ ้นตามแผนนั ้น 3. การใช้คอมพิวเตอร์ในการปรับรื้อระบบ (Reengineering) โดยการนําคอมพิวเตอร์มาเป็ น ส่วนหนึ่งของกระบวนการทํางานหรือเชื่อมโยงการปฏิบัติงานให้ต่อเนื่องกันได้ หรือเพื่อให้ใช้ข้อมูลข่าวสาร ต่างๆรวมกันได้

ะบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการดำเนินงาน

การจัดการหรือการบริหารในองค์กาารส่วนใหญ่แบ่งออกเป็น 3 ระดับคือ ระดับล่างเป็นระดับต่ำสุดทำหน้าที่ปฏิบัติการ  ระดับกลางเป็นระดับผู้บริหาร ที่มุ่งเน้นการจัดการและการตัดสินใจเป็นสำคัญ และระดับสูงเป็นระดับผู้บริหารระดับสูง  กำหนดกลยุทธ์ระบบสารสนเทศที่จำแนกตามระดับ  การจัดการมี4ประเภท ได้แก่

  1.ระบบประมวลผลรายการหรอทีพีเอส  เป็นระบบปฏิบัติการที่สนองการปฏิบัติงานประจำวันเพื่อใช้ในการจัดการระดับต้นและปฏิบัติงานของพนักงาน  เช่น  การบันทกรายการบัญชี  การบันทึกรายการขาย  รายการฝาก-ถอนเงิน  ทีพีเอสถือเป็นระบบบสารสนเทศพื้นฐานขององค์การรวบรวมและประมวลข้อมูลรายละเอียดที่ใช้ในการปฏิบัติงานต่างๆ  และข้อมูลจากรบบนี้เป็นฐานให้กับระบบสารสนเทศอื่นๆด้วย
     ระบบบทที่สนับสนุนการทำงาน ยังประกอบด้วยระบบสำนักงานอัตโนมัติ ซอฟต์แวร์ สนับสนุนการทำงานกลุ่ม (groupware) งานส่วนบุคคล  (personal productivity  software)   
     ระบบสำนักงานอัตโนมัติ หรือโอเอเอส (Office Automation System-OAS ) โดยสามารถจำแนกระบบสำนักงานอัตโนมัติออกตามมหน้าที่เป็น
      1) การสื่อสารภายในสำนักงาน เช่น ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์หรืออีเมล์ (e-mail)  ไปรษณีย์เสียงหรือเมล์เสียง (voice mail) การประชุมทางไกล (teleconferencing) โทรสาร (fax) เป็นต้น
      2) เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำนักงาน   เช่น  การประมวลคำ (word processing) การประมวลภาพลักษณ์ (image  processing) การพิมพ์ตั้งโต๊ะ  ซึ่งเป็นการผลิตเอกสารท่มีคุณภาพดี  การออกแบบกราฟิกและรูปแบบประเภทต่างๆ (desktop publishing) การแปลงภาพและเอกสารในรูปดิจิตอล (digitization)
      3) เพิ่มประสิทธิภาพในการประสานงาน  ปฏิบัติงานร่วมกัน เช่น กรุ๊ปแวร์ (groupware) เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สนับสนุนการทำงานร่วมกัน  มีองค์ประกอบสำคัญ 3 ประการ คือ การสื่อสาร  การร่วมมือ และและการประสานงาน  ระบบอินทราเน็ต  เป็นทางเลือกที่สำคัญของการใช้ กรุ๊ปแวร์
   2.ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (MIS) หรือระบบการจัดการรายงาน  หรือ  เอ็มอาร์เอส  (Management Reporting System-MRS) เกี่ยวข้องกับการจัดทำรายงานหรือสรุปสารสนเทศเพื่อนำไปใช้ในการตัดสินใจในการจัดการงานประจำด้านต่างๆ  เช่น  การผลิต  การจำหน่าย  การเงิน  การบริหารสินค้าคงคลัง
  3. ระบบสนับสนุนการตัดสินใจหรือดีเอสเอส (Decision  Support System-DSS) ออกแบบเพื่อช่วยสนับสนุนกระบวนการของการตัดสินใจทางการจัดการให้มีประสิทธิผลโดยใช้ตัวแบบ (model) ด้านสถิติ คณิตสาสตร์ เศรศฐศาสตร์  ฯลฯ วิเคราะห์ข้อมูลและการจำลองสถานการณ์เปรียบเทียบทางเลือกต่างๆ เพื่อการตัดสินใจเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุดในสถานการณ์นั้น
   4.ระบบสารสนเทศสนับสนุนผู้บริหารระดับสูงหรืออีเอสเอส (Executive Suppport System-ESS) หรือบางครั้งอาจเรียกว่าระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหาร  หรืออีไอเอส (Executive Information System-EIS)  ออกแบบเพื่อให้สารสนเทศที่มีความสำคัญลำดับสูงต่อองค์การ  เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจการแก้ไขปัญหา  และการวางแผนระยะยาว  โดยมีข้อมูลทั้งจากภายในและภายนอกองค์การ  และมีการนำเสนอที่ชัดเจน

สาเหตุที่ทำให้ธุรกิจประสบความล้มเหลวในการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยในการทำงาน

      ถึงแม้ว่ากิจการและธุรกิจต่างๆ   จะได้รับผลประดยชน์จากการนำคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยงานมากขึ้นก็ตาม  แต่ก็มีหน่วยงานหลายๆแห่งที่ประสบความล้มเหลวในการนำคอมพิวเตอรืมาใช้ในการทำงาน  คืไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการจัดทำข่าวสารที่ถูกต้อง  รวดเร็ว  แม่นยำ  และเป็นข่าวสารที่มีความหมายต่อธุรกิจ  สาเหตุใหญ่ๆ  ที่ธุรกิจประสบความล้มเหลวพอสรุปได้  ดังนี้

           1.ความผิดพลาดของข้อมูล
           ผู้ใช้ต้องมีความมั่่นใจว่า  ข้อมูลที่ป้อนเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง 100 % จึงจะทำให้ได้รับข่าวสารหรือข้อสนเทศที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพต่อธุรกิจได้  ดังนั้น  ความล้มเหลวของธุรกิจส่วนหนึ่งจึงมาจากข้อมูลที่ผิดพลาดนั่นเอง
           2.ความผิดพลาดของชุดคำสั่งงานที่ป้อนเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
           คอมพิวเตอร์จะประมวลผลข้อมูลต่างๆ  ตามคำสั่งของชุดคำสั่งที่ป้อนเข้าสู่ระบบที่เรียกว่า  (Program)  โปรแกรมเมอร์จะเป็นผู้เขียนชุดัคำสั่งของชุดทำงานที่ประกอบไปด้วยคำสั่งที่ใช้ในการอ่านข้อมูลประมวลผลข้มูลและจัดทำหรือแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลได้แก่ ข้อสนเทศหรือข่าวสารบางครั้งขั้นตอนของชุดคำสั่งงานอาจจะมีข้อผิดพลาดทำให้ไม่สามารถประมวลผลข้อมูลได้ถูกต้อง   
          3.ความไม่เข้าใจกันระหว่างผู้ใ้ (User) และผผู้เชี่ยวชาญทางด้านคอมพิวเตอร์
          สาเหตุใหย่ที่ทำให้การนำคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการทำงานภายในธุรกิจไ่สบความสำเร็จและไม่บรรลุวัตถุประสงค์ของธุรกิจเท่าที่ควร  เนื่องมาจากความไม่เข้าใจกันระหว่างบุคคลากรหรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านคอมพิวเตอร์กับผู้ใช้ข่าวสารและข้อสนเทศ   ว่าแต่ละฝ่ายต้งการอะไร   ในบางครั้งผู้ใช้ไม่มีความเข้าใจเพียงพอว่า คอมพิวเตอร์สามารถทำงานอะไรบ้างและไม่สามารถทำงานอะไรได้บ้าง ในขณะเดียวกันกับผู้เชี่ยวชาญทางด้านคอมพิวเตอร์ก็ไม่เข้าใจลักษณะและระบบธุรกิจได้ดีพอ  จึงไม่ทราบว่าจะนำคอมพิวเตอรืไปช่วยงานธุรกิจให้ดีทที่สุดได้อย่างไร
          4.ขาดการควบคุมและการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม
          ในปัจจุบันมีการนำคอมพิวเตอร์มาใใช้งานมากตามลำดับ  จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการควบคุม  และมมาตราการการรรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมมากขึ้นตามไปด้วยโดยเฉพาะการติดตั้งเครื่องเทอร์มินอล (terminals)  และเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์จากที่ต่างๆ เชื่อมโยงไปยังระบบคอมพิวเตอร์ขขนาดใหย่ที่ศูนยืกลาง (Central ้Computer) ได้เพิ่มจำนวนมากขึ้น นอกจากนั้นหน่วยงนบางหน่วยงาน ได้แก่ หน่วยงานรัฐบาล ธนาคาร โรงพยาบาล และดรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ  ถ้าหากขาดการควบคุมที่เหมาะสมทั้งทางด้านระบบงานและข้อมูลของหน่วยงานแล้ว ก็จะก่อให้เกิดปัญหาของการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้  ดังนัน้ หน่วยงานเหล่านี้จึงจำเป็นต้องเพิ่มมาตราการการควบคุมเพื่อป้องกันมให้เกิดปัญหาต่างๆได้
           5.ขาดความเป็นมาตราฐาน
           สาเหตุสืบเนื่องมาจากวงการทางคอมพิวเตอร์  เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ ความเป็นมาตราฐานจึงยังค่อนข้างต่ำ ทั้งนี้ เพราะว่าเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละบริษัท แต่ละรุ่นผู้ผลิตมักะสร้างใหม่สั่งพิเศษเฉพาะด้านและวิวัฒนาการทางด้านคอมพิวเตอร์ได้รุดหน้าไปรวดเร็ว แต่การพัฒนาในการรักษามาตราฐานของเครื่องยังวค่อนข้างช้าและในบางครั้งซอฟตแวร์ยังไม่เป็นมาตราฐานเดียวกันอีกด้วย  ทั้งนี้ เนื่องจากซอฟต์แวร์บางตัวสามารถนำไปใช้กับคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่งเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำไปใช้กับคพิวเตอร์อื่นได้
           6.วัตถุประสงค์และเป้าหมายไม่คงที่และไม่แน่นอน
           คอมพิวเตอร์จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพถ้าระบบงานมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน คงที่และแน่นอน และไม่มีการเปลีี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ต่างๆ
           7.ผู้ใช้ท่มีความกลัวและต่อต้านการเปลี่ยนแปลงระบบ
           โดยข้อเท็จจริงแล้วผู้ใช้ควรจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการออกแบบ และนำระบงานด้านคอมพิวเตอร์ไปทดสอบใช้เพราะว่าถ้าขาดผุ้ใช้แล้วการจัดการระบบข้อมูลก็ไม่บรรลุผลสำเร็จได้  ทั้งน้  เพราะว่าผู้ใช้เป็นผู้กำหนดและให้ข้อมูลของระบบงานทั้งหมด จึงจำเป็นอย่างที่ผู้ใช้และบุคลากรทางด้านคอมพิวเตอร์คสรจะมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน ไม่ขัดแย้งกัน เพื่อให้การจัดทำระบบใหม่ด้วยคคอมพิวเตอร์ระสบความสำเร็จตามธุรกิจที่ต้องการ

ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นจากการนำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้

  ในการนำคอมพิวเตอร์มาใช้งานด้าานต่างๆนั้น จะก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมา ดังนั้น  ผู้ทำงานด้านคอมพิวเตอร์และผู้ใช้ประโยชน์จากข่าวสารหรือข้อสนเทศจึงจะต้องคำนึงถึงปัญหาเหล่านี้และควรหลีกเลี่ยงปัยหาต้องไปนี้ด้วย  ได้แก่
              1. คอมพิวเตอร์ทำให้เกิดความรู้สึกสูญเสียความเป็นมนุษย์
              2.คอมพิวเตอร์ทำให้ลดคนงานลงและก่อให้เกิดปัญหาการวางขึ้น
              3.การนำคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้อาจก่อให้เกิดปัญหาการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
              4.คอมพิวเตอร์และอาญากรรรม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น